วันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เยื่อพรหมจารีไม่ฉีกขาด

คําพิพากษาศาลฎีกาที่  8528/2554
ป.อ.  ข่มขืนกระทําชําเราเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี อนาจาร มาตรา ๒๗๗, ๒๘๓ ทวิ
ป.วิ.อ.  บรรยายฟ้อง (มาตรา ๑๕๘)
                จากการนําสืบของโจทก์ ไม่ได้ความว่าขณะที่จําเลยจะกระทําชําเราผู้เสียหายที่ ๑ นั้น ผู้เสียหายที่ ๑ ดึงกางเกงในขึ้นแล้วจําเลยดึงกางเกงในออกอีกหรือไม่ ขณะที่จําเลยเอาอวัยวะเพศสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายที่ ๑ ผู้เสียหายที่ ๑ ถูกถ่างขาให้แยกจากกันหรือไม่ ขณะที่ผู้เสียหายที่ ๑ ถูกจําเลยกระทําชำเรา และหลังจากนั้นผู้เสียหายที่ ๑ รู้สึกเจ็บปวดที่อวัยวะเพศหรือไม่
               เห็นว่า ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายที่ ๑ มีอายุเพียง ๑๔ ปีเศษ และกำลังศึกษาเล่าเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ผู้เสียหายที่ ๑ เบิกความได้เป็นขั้นตอนสมจริงยากที่จะปรุงแต่งเรื่องขึ้นเองเพื่อปรักปรําจําเลย หากไม่มีเหตุเกิดขึ้นกับผู้เสียหายที่ ๑ ผู้เสียหายที่ ๑ คงไม่กล้ากุเรื่องเสื่อมเสียน่าอับอายเช่นนี้ขึ้น เพื่อทําให้นาง อ. และผู้เสียหายที่ ๒ ได้รับความเดือดร้อนไปด้วย ประกอบกับจําเลยไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้เสียหายทั้งสอง จึงไม่มีเหตุให้ระแวงว่าผู้เสียหายทั้งสองจะกลั่นแกล้งปรักปรำจำเลย และได้ความว่าผู้เสียหายที่ ๑ ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับบุคคลใดมาก่อน หากจําเลยสอดใส่อวัยวะเพศเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายโดยไม่ยินยอมก็น่าจะปรากฏร่องรอยบาดแผลที่อวัยวะเพศบ้างแต่จากผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ปรากฏว่าตรวจไม่พบหลักฐานของการมีเพศสัมพันธ์
               การที่ผู้เสียหายเบิกความว่าจำเลยกระทำชำเราผู้เสียหายที่ ๑ นั้นอาจเป็นการเข้าใจผิดของผู้เสียหายที่ ๑ ที่ยังเป็นเด็กและยังไม่เคยผ่านการร่วมประเวณีมาก่อน พยานหลักฐานจึงฟังได้ว่าอวัยวะเพศของจําเลยไม่ได้ผ่านเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายที่ ๑ จำเลยจึงมีความผิดฐานกระทําอนาจารเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีโดยไม่ยินยอม
              ความผิดฐานกระทําชําเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบห้าปี รวมการกระทำความผิดฐานกระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีด้วย และเป็นความผิดในตัวเอง ศาลมีอํานาจลงโทษจำเลยฐานกระทำอนาจารเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีได้
              คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า จําเลยกระทำชำเราผู้เสียหายที่ ๑ โดยไม่ยินยอม โดยมิได้บรรยายฟ้องว่า จําเลยกระทําไปโดยใช้กําลังประทุษร้าย อันเป็นองค์ประกอบของความผิดฐานกระทําอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีโดยใช้กำลังประทุษร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคสอง จึงเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจําเลยฐานกระทําอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีโดยใช้กําลังประทุษร้าย คงลงโทษได้ฐานกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้าย และยังเป็นการกระทำความผิดฐานพาเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 ทวิ วรรคสอง อีกด้วย ซึ่งเป็นการกระทํากรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
              นอกจากนี้การกระทําดังกล่าวยังทำให้อำนาจปกครองดูแลผู้เยาว์ของบิดามารดาได้ถูกพรากจากไปโดยปริยาย การกระทําของจําเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 วรรคสาม อีกกรรมหนึ่งด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  8825/2554
ป.อ. มาตรา 80, 277 วรรคสอง (เดิม), 279 วรรคสอง, 285
ป.วิ.อ. มาตรา 158(5), 160 วรรคหนึ่ง, 192
            เด็กหญิงผู้เสียหายอายุ 11 ปีเศษ เป็นบุตรของนาย ธ ภริยาใหม่ของนาย ธ ไม่ถูกกับผู้เสียหาย นาย ธ จึงพาผู้เสียหายมาฝากอยู่ที่บ้านของนาง ว แต่จำเลยเป็นสามีของนาง ว เข้าไปในมุ้งของผู้เสียหายแล้วลงมือกระทำอนาจารและข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายโดยใช้กำลังประทุษร้าย แพทย์ได้ตรวจภายใน ไม่พบร่องรอยฉีกขาดของเยื่อพรหมจารีของผู้เสียหายและไม่พบบาดแผลใด เมื่อพิจารณาประกอบพฤติการณ์แห่งคดีที่ผู้เสียหายมีรูปร่างเล็กกว่าเด็กในวัยเดียวกันและไม่รู้เดียงสาในเรื่องเพศสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงกับคำบอกเล่าของผู้เสียหายที่แจ้งแก่นาง ต ว่า ผู้เสียหายไม่เจ็บและไม่มีเลือดออกขณะจำเลยลงมือข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ทำให้มีข้อสงสัยตามสมควรว่าอวัยวะเพศของจำเลยล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายหรือไม่ ซึ่งต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง โดยฟังข้อเท็จจริงว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี โดยใช้กำลังประทุษร้ายและพยายามข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบสามปี โดยเด็กหญิงอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ อันเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท
            นาย ธ นำผู้เสียหายมาฝากไว้กับนาง ว. ภริยาของจำเลยช่วยดูแลเพื่อความสะดวกในการศึกษาของผู้เสียหาย ดังนั้น อำนาจปกครองยังคงอยู่กับนาย ธ ผู้เป็นบิดาของผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงไม่เป็นผู้อยู่ในความปกครองของจำเลย การกระทำของจำเลยจึงไม่เข้าเหตุฉกรรจ์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 285 ที่จะทำให้จำเลยได้รับโทษหนักขึ้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคสอง และมาตรา 277 วรรคสอง (เดิม) ประกอบมาตรา 80 ส่วนที่ศาลล่างทั้งสองปรับบทลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคแรก มานั้นเป็นการไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
            โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่าจำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอายุยังไม่เกินสิบสามปี ซึ่งมิใช่ภริยาของจำเลยหลายครั้งในระยะเวลาหลายวัน โดยมิได้บรรยายว่ากระทำผิดกี่กรรมและเมื่อใดบ้าง ไม่ชัดเจนว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยหลายกรรม ดังนี้ จำเลยย่อมมีความผิดเพียงกรรมเดียว ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
            อนึ่ง ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา มีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 19) พ.ศ.2550 มาตรา 3 ให้ยกเลิกความในมาตรา 277 เดิม และให้ใช้ข้อความใหม่แทน แต่กฎหมายที่แก้ไขใหม่ไม่เป็นคุณแก่จำเลย จึงต้องใช้กฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดบังคับ พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคสอง มาตรา 277 วรรคสอง (เดิม) ประกอบด้วยมาตรา 80 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานพยายามกระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบสามปีอันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1

คำพิพากษาฎีกาที่ 6510 / 2544
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 91, 277 วรรคแรก, 317 วรรคสาม
                ผู้เสียหายเคยเป็นลูกศิษย์ของจำเลยมาก่อน ย่อมมีความเคารพยำเกรงตามวัฒนธรรมไทยอยู่แล้ว เมื่อไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน จึงไม่มีสาเหตุอันใดที่ผู้เสียหายจะแกล้งกล่าวหาปรักปรำจำเลยให้ต้องรับโทษ อีกทั้งการนำเรื่องนี้มาเปิดเผย หากไม่เป็นความจริงมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้หญิงยิ่งขึ้น จึงเชื่อได้ว่าผู้เสียหายเบิกความไปตามเหตุการณ์ที่ได้ประสบมาแต่ที่ผู้เสียหายเบิกความว่าจำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายนั้น แพทย์ผู้ตรวจร่างกายผู้เสียหายภายหลังเกิดเหตุ พบว่ามีรอยแดงเล็กน้อยบริเวณแคมเล็กด้านหลังตำแหน่ง 6 นาฬิกา ทั้งด้านซ้ายและด้านขวามีจุดห้อเลือด ลักษณะบาดแผลเป็นทางยาว รอยถลอกไม่ลึก เยื่อพรหมจารีไม่ฉีกขาด ไม่พบร่องรอยถลอกหรือฟกช้ำที่เยื่อพรหมจารีร่องรอยถลอกอยู่ห่างจากเยื่อพรหมจารีประมาณ 1 เซนติเมตร และยังไม่ได้ล้ำเข้าไปในช่องคลอดของผู้เสียหาย ผลการตรวจทางเคมีไม่พบเชื้ออสุจิในช่องคลอด สรุปความเห็นว่า ไม่พบหลักฐานที่เกิดจากการร่วมประเวณีเห็นว่า หลักฐานทางวิทยาศาสตร์เป็นหลักฐานทางวิชาการที่น่าเชื่อถือจากข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงเชื่อได้ว่าจำเลยยังมิได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย แต่การที่จำเลยพาผู้เสียหายเข้าไปในโรงแรมแล้วกอดปล้ำผู้เสียหาย ถอดเสื้อผ้าของผู้เสียหายออกเพื่อจะข่มขืนกระทำชำเราโดยมีเจตนาจะข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย อวัยวะเพศของจำเลยคงจะเสียดสีกับอวัยวะเพศของผู้เสียหายจนทำให้เกิดรอยแดงด้านนอกของอวัยวะเพศของผู้เสียหายและหากอวัยวะเพศของจำเลยล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหาย เยื่อพรหมจารีของผู้เสียหายคงต้องมีร่องรอยฉีกขาด การกระทำของจำเลยเป็นเพียงการลงมือกระทำความผิดแต่กระทำไปไม่ตลอดหรือกระทำไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล จึงเป็นเพียงความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย
               ปัญหาที่ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดสำเร็จหรืออยู่ในขั้นพยายามกระทำความผิดเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225

หมายเหตุ.- ม.๒๗๙ ว.๒ ฐาน "อนาจารเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีโดยใช้กำลังประทุษร้ายฯ" จำคุกไม่เกิน ๑๕ ปี หรือปรับไม่เกิน ๓๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วน ม.๒๗๗ ว.๓ ฐาน "กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปี" จำคุกตั้งแต่ ๗ - ๒๐ ปี และปรับตั้งแต่ ๑๔,๐๐๐ - ๔๐,๐๐๐ บาท หรือจำคุกตลอดชีวิต ส่วน ม.๘๐ "พยายามกระทำความผิด" ระวางโทษ ๒ ใน ๓ ส่วน
ข้อคิดเห็น.- ทางการแพทย์โดยปกติเยื่อพรหมจารี(เยื่อพรหมจารี หรือ Hymen คือ เยื่อบาง ๆ ขนาดความหนาประมาณ 1.5-2 มิลลิเมตรที่อยู่รอบ ๆ ปากช่องคลอด) ต้องฉีกขาดเองทุกคน เว้นแต่ Imperforated hymen หรือ ภาวะเยื่อพรหมจารีไม่ขาด เป็นความผิดปกติมาแต่กำเนิดที่เยื่อพรหมจารีไม่ขาดเป็นรูหรือเป็นช่องเปิดสู่ภายนอกเพื่อเตรียมให้เลือดประจำเดือนไหลออกมาเมื่อถึงเวลาที่ควรมีประจำเดือน ผู้ป่วยจะไม่มีอาการผิดปกติ จนกระทั่งเข้าสู่วัยที่ควรมีประจำเดือน หรือเพื่อการมีเพศสัมพันธ์ จะทำให้มีอาการปวดท้อง น้อยทุกเดือน เดือนละ 3-5 วัน และอาการจะปวดมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่มีประจำเดือนออกมาให้เห็น อาจมีอาการคัดตึงเต้านมร่วมด้วยในช่วงเวลาใกล้เคียงกับมีอาการปวดท้องน้อย (ที่มา:http://haamor.com) ลักษณะเยื่อพรหมจรรย์ หรือเยื่อพรหมจารี (Hymen) เป็นแผ่นเยื่อบาง ๆ อยู่บริเวณปากช่องคลอดของผู้หญิง จะอยู่ลึกเข้าไปประมาณไม่เกินปลายนิ้วมือ ขนาดและลักษณะแตกต่างกัน เป็นขอบของเนื้อเยื่อที่มีลักษณะคล้ายวงแหวน อยู่ถัดจากปากช่องคลอดเข้าไปราว ซม. ความหนาบางก็แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางคนก็หนา บางคนก็บาง และสามารถฉีกขาดได้ง่ายจากหลากหลายสาเหตุ เช่น เล่นกีฬา ทำงานหนัก หกล้ม เกิดอุบัติเหตุ รวมทั้งการร่วมเพศในครั้งแรก ๆ ในปัจจุบันผู้หญิงที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ไม่จำเป็นว่าเยื่อพรหมจารีจะยังคงอยู่จนมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกจึงจะขาด (ที่มา:http://thedoctorstory.blogspot.com/2012/03/rape.html)